สรุปให้รู้ ตามทันโลกอนาคตการศึกษา ep.31 เตรียมเด็กพร้อมปฏิวัติทักษะใหม่กับอนาคต 2030

 

 

สรุปให้รู้ ตามทันโลกอนาคตการศึกษา ep.31 เตรียมเด็กพร้อมปฏิวัติทักษะใหม่กับอนาคต 2030

 

 

 


                 

 

 

 

สรุปให้รู้ตามทันโลก อนาคตการศึกษา   ep.30

   เตรียมเด็กพร้อมปฏิวัติทักษะใหม่กับอนาคต 2030

 

                      ใคร ๆ ต่างคาดเดาอนาคตเพื่อรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องความเป็นอยู่พื้นฐานของมนุษย์ มีการคาดการณ์ว่าในอีก 5 ปีข้างหน้างานทั่วโลกกว่า 23% จะถูกเปลี่ยนไปเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี ถึงจะดูเป็นตัวเลขที่น้อยแต่กระทบในวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะการนำปัญญาประดิษฐ์เข้ามาใช้ ถือเป็นการก้าวเข้าสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 เลยก็ว่าได้

 

The Fourth Industrial Revolution : World Economic Forum

 

 

                   สิ่งที่ทำให้ผู้คนต้องกังวลใจคือเรื่องเดิม ๆ อย่างการถูกแทนที่กำลังเป็นจริงในอนาคต จากรายงานของ The Future of Jobs Report 2023[1] ระบุว่าภายในปี 2027 งาน 43% จะถูกทำให้เป็นระบบอัตโนมัติเท่ากับการลดจำนวนคนในการทำงานลงเกือบครึ่ง แม้ว่าในรายงานจะมีการคาดการณ์โดยรวมว่าอัตราการเติบโตและการลดลงของงานจะมีแนวโน้มเป็นบวก แต่หากแนวโน้มปัจจุบันยังคงดำเนินต่อไป โปรแกรมการเรียนรู้ที่ไม่ถูกปรับปรุงให้เหมาะสมจะยิ่งทำให้ทักษะของมนุษย์รุ่นใหม่เลวร้ายลงในอนาคต

 

 

   แนวทางการปฏิวัติทักษะใหม่ของ Reskilling Revolution

            หลังจากเล็งเห็นปัญหาเรื่องของทักษะ World Economic Forum ได้จัดตั้งโครงการ Reskilling Revolution ขึ้นพร้อมตั้งเป้าหมายว่าโครงการนี้จะมอบการศึกษา ทักษะ และโอกาสทางเศรษฐกิจที่ดีกว่าให้กับประชากร 1 พันล้านคนภายในปี 2030 ซึ่งโครงการได้ร่วมงานกับองค์กรต่าง ๆ กว่า 370 แห่ง อาทิเช่น Adecco Group , Coursera , รัฐบาลฝรั่งเศส , iamtheCODE , Infosys , Lego Foundation , LinkedIn , ManpowerGroup , PwC , Salesforce และ UNICEF เป็นต้น เตรียมดึงผู้คนมากกว่า 600 ล้านคนทั่วโลกเข้ามาพัฒนาทักษะสำคัญสำหรับอาชีพในอนาคต แม้ว่าจะเป็นการเตรียมพร้อมให้เข้ากับการใช้เทคโนโลยีเป็นสำคัญแต่ทักษะของความเป็นผู้นำ การสังเกต ความยืดหยุ่น และเรียนรู้ตลอดชีวิตยังคงเป็นทักษะที่ฝึกฝนด้วย

 

 

 

           แผนงานสำหรับปี 2024-2025 ของโครงการนี้ คือ

  •  เร่งพัฒนาทักษะใหม่และเพิ่มพูนทักษะทั่วโลก
  • การนำเสนอโมเดลการเรียนรู้ที่เสริมประสิทธิภาพด้วย AI
  • ให้ความสำคัญกับความร่วมมือกับพันธมิตรต่าง ๆ เรื่องของกำลังแรงงานและการพัฒนายุทธศาสตร์ระดับประเทศ

 

   ตัวอย่างการปฏิวัติทักษะใหม่ของประเทศอื่น ๆ [2]

 

  •             เครือข่าย Accelerator จัดทำโปรแกรม Skills Accelerator ของบราซิลมีผู้ลงทะเบียนเรียนหลักสูตรฝึกอบรมมากกว่า 2.2 ล้านคน ขยายความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับบริษัทภาคเอกชนผ่านบันทึกความเข้าใจ แจ้งข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับทักษะที่เพิ่มขึ้นและทักษะใหม่อยู่เสมอเพื่อเสนอหลักสูตรการฝึกอบรมที่สร้างการเปลี่ยนแปลงและสร้างความตระหนักรู้ใหม่ ๆ ในหมู่พนักงานเป็นแนวทางที่สร้างความมั่นคง ส่งผลดีต่อชีวิตของชาวบราซิล 8 ล้านคนภายในปี 2030

 

  • Parwaaz องค์กรพัฒนาทักษะของปากีสถาน ได้กำหนด 6 ภาคส่วนสำคัญสำหรับการเติบโตของการจ้างงานและการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีไว้ โดยให้นายจ้างรายใหญ่ที่สุดให้การยอมรับ 129 อาชีพสำหรับการฝึกและเพิ่มทักษะผ่านสภาในระดับอุตสาหกรรม เยาวชนชาวปากีสถาน 1,000 คนได้รับการฝึกอบรมและจ้างงานผ่านศูนย์บ่มเพาะทักษะในระดับภาคส่วนในด้าน ICT บริการทางการเงิน และสิ่งทอ

 

   การปิดช่องว่างของทักษะดิจิทัลเพื่อการปฏิวัติทักษะใหม่

 

อย่างที่พูดไปข้างต้น โลกกำลังก้าวเข้าสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4[3] สหประชาชาติและองค์กรอื่น ๆ ต่างเรียกช่วงนี้ว่า "ทศวรรษแห่งการส่งมอบ" สำหรับการเปลี่ยนแปลงสำคัญสู่โลกที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้มีศักยภาพที่จะเพิ่มระดับรายได้ของทั่วโลกและปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชากรอย่างมาก ผู้ที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมนี้คือผู้บริโภคที่สามารถซื้อและเข้าถึงโลกดิจิทัลได้ แต่อัตราการเข้าถึงทักษะดิจิทัลใหม่ ๆ ยังคงต่ำโดยเฉพาะกับผู้หญิง แม้ว่าสัดส่วนของผู้หญิงที่มีทักษะ STEM[4] จะเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2016 จาก 24.4% เป็น 27.1% แต่จากมุมมองการเพิ่มทักษะความรู้ยังคงต่ำ จากข้อมูลของ Coursera[5] ชี้ให้เห็นว่าช่องว่างทางเพศสูงผ่านการลงทะเบียนเสริมทักษะออนไลน์ในหลักสูตรด้านความเป็นผู้นำต่าง ๆ เมื่ออ้างอิงร่วมกับข้อมูลของ LinkedIn จาก Global Gender Gap Report 2024 แสดงให้เห็นว่าการเป็นตัวแทนในกำลังแรงงานของผู้หญิงยังคงน้อยกว่าผู้ชายในแทบทุกอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจ มีผู้หญิงเพียง 42% ของกำลังแรงงานทั่วโลก และเพียง 31.7% ที่ได้เข้าไปอยู่ในกลุ่มผู้นำระดับสูง

 

อีกทักษะที่สำคัญอย่างด้าน AI แม้ว่าผู้หญิงจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นกว่าปีก่อน ๆ ที่ผ่านมาแต่ยังคงเป็นสัดส่วนที่ไม่สมดุล จากข้อมูลของ Coursera ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2024 มีผู้สมัครเข้าหลักสูตรออนไลน์ด้านการ GenAI กว่า 900,000 คน เป็นการสมัครทั้งแบบบุคคลและองค์กรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานแต่มีผู้หญิงเพียง 30% เท่านั้นในสัดส่วนของผู้ลงทะเบียนเรียนทั้งหมด

 

นอกจากนี้ยังมีข้อมูลช่องว่างของเพศในหลักสูตรอื่น ๆ เช่น AI and big data 30% การเขียนโปรแกรม 31% และเครือข่ายและความปลอดภัยทางไซเบอร์ 31% เป็นต้น เห็นได้ชัดว่าหากโลกต้องการพัฒนาทักษะใหม่และปิดช่องว่างทางดิจิทัลเพื่อก้าวเข้าสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 การศึกษา ระดับผู้บริหาร และความรู้ด้าน AI ขั้นพื้นฐานควรเป็นสิ่งที่ต้องสนับสนุนให้เท่าเทียมและลดความเหลื่อมล้ำลงให้ได้มากที่สุด

 

 

   การปิดช่องว่างของทักษะดิจิทัลเพื่อการปฏิวัติทักษะใหม่

 

มีการคาดการณ์ว่าจะมีการงานใหม่กว่า 133 ล้านตำแหน่งในอนาคตเพื่อตอบสนองความต้องการของการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4[6] จากรายงานของ Upskilling for Shared Prosperity[7] แสดงให้เห็นว่าการลงทุนด้านการพัฒนาทักษะใหม่และเพิ่มทักษะให้กับแรงงานทั่วโลก จากการคาดการณ์ในปัจจุบันมีศักยภาพที่จะเพิ่ม GDP ได้ 6.5 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 และหากลงทุนด้านการศึกษาเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตให้กับเด็กนักเรียนในยุคปัจจุบันอาจเพิ่ม GDP ได้อีก 2.54 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาเดียวกัน

 

ในปัจจุบันมีการเสริมทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิตในกลุ่มผู้ใหญ่แค่ 0.5% ทั่วโลกเท่านั้น หากอ้างอิงจากตัวเลขคาดการณ์ด้าน GDP มันจะดีแค่ไหนหากทุกคนมีโอกาสในการพัฒนาตนเองและไม่ต้องกังวลกับการเปลี่ยนแปลงมากเกินไป

           

สิ่งสำคัญที่กำลังจะสื่อผ่านบทความนี้คือ “การศึกษา” ต้องเสริมทักษะให้รากฐานแข็งแรงเพื่อการอยู่รอดของทุกคน

ทั่วโลกต้องลงทุนอย่างเร่งด่วนในมนุษย์เพื่อสร้างโลกที่ไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ให้ทุกคนได้รับโอกาสในการเติมเต็มศักยภาพและเติบโตไปพร้อม ๆ กัน

 

 

 

         

เรียนรู้เพิ่มเติม บทความการศึกษา อจท. Active Learning อื่น ๆ ได้ที่   >>> คลิก <<<

เรียนรู้เพิ่มเติม บทความการศึกษา อื่น ๆ ได้ที่   >>> คลิก <<<

 
 

 

 

 

 

Share

Relate article