14 นวัตกรรมใหม่ สำหรับห้องเรียนแห่งอนาคตที่อยู่ไม่ไกล รู้ไว้ไม่ตกเทรนด์
14 นวัตกรรมใหม่ สำหรับห้องเรียนแห่งอนาคตที่อยู่ไม่ไกล รู้ไว้ไม่ตกเทรนด์
สมาร์ทบอร์ดหรือไอแพดเพื่อการศึกษา กลายเป็นเครื่องมือธรรมดาสำหรับห้องเรียนปกติทั่วไป เด็ก ๆ ได้มีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ และทำให้เรื่องของการศึกษากลายเป็นเรื่องง่ายดายด้วยเทคโนโลยีผ่านปลายนิ้ว แต่อุปกรณ์เหล่านี้เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ หรือจุดเริ่มต้นของภูเขาน้ำแข็งทั้งหมดที่โผล่มาให้เราเห็น
ด้วยความก้าวไกลแบบไร้ขีดจำกัด Forbes Technology Council ได้ทำการสำรวจและพบว่า อุปกรณ์เหล่านี้จะช่วยผลักดันการศึกษาได้อย่างไร? นี่คือการคาดการณ์ที่ดีที่สุดที่คุณต้องติดตาม
1. Video Lectures
ครูคนไหน ๆ ก็อยากจะมีเวลามากขึ้นเพื่อใช้เวลาส่วนที่เหลือสำหรับการสนับสนุนและช่วยเหลือนักเรียนของเขาได้อย่างเต็มที่ รูปแบบการสอนแบบห้องเรียนกลับด้านด้วย Vedio Lectures จึงกลายเป็นพระเอกสำคัญ แค่ใช้เวลาเพื่ออัดวิดีโอเพียง 1 ครั้ง ก็สามารถส่งกลับไปให้นักเรียนค้นคว้าเองที่บ้านด้วยตัวเองได้ ส่วนเวลาที่เหลือก็ใช้ไปกับการเรียนรู้ในรูปแบบอื่น ๆ เช่น การสาธิต การลงมือทำ ต่างจากเมื่อก่อนที่ปล่อยให้นักเรียนได้เพียงเอากลับไปคิดที่บ้านเท่านั้น
2. Immersive Mixed-Reality Experiences
ปัจจุบันนักเรียนไม่จำเป็นต้องอยู่กับแค่การอ่านหนังสือ หรือแผ่นโปสเตอร์เพื่อให้เข้าใจในประวัติศาสตร์ หรือศึกษาดาราศาสตร์ เพราะตอนนี้มีเทคโนโลยีชื่อว่า Mixed-Reality ที่ทำให้นักเรียนหลุดเข้าไปในโลกจำลองให้พวกเขาได้เข้าถึงสถานที่ หรือเหตุการณ์ในช่วงเวลานั้น และยังสามารถมีปฏิสัมพันธ์ตอบโต้ ทำให้นักเรียนเข้าใจได้อย่างลึกซึ้งอีกด้วย ลองจินตนาการหากนักเรียนได้ลองฝึกบินบนอากาศยาน หรือทดลองผ่าตัดด้วยเทคโนโลยีนี้ก็คงจะตื่นเต้นไม่น้อย
3. Virtual Reality Experiments
ห้องเรียนสมัยใหม่เริ่มมีการนำเทคโนโลยี Virsual Reality (VR) เข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างกระบวนการเรียนรู้มากขึ้น ยิ่งเพิ่มประสบการณ์ให้นักเรียนนั้นได้สัมผัสกับเหตุการณ์ หรือสถานที่ต่าง ๆ และเทคโนโลยี VR ยังเป็นเครื่องมือที่ทำให้นักเรียนได้อยู่ในสถานการณ์จริงแต่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายอีกด้วย
4. Incorporation Of Chrome OS
แพลตฟอร์มของ Google อย่าง Chrome ไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่สำหรับการทำงานร่วมกันบนออนไลน์ (เช่น Google Doc) เท่านั้น แต่ Chrome ยังได้จัดเตรียมข้อมูลไว้สำหรับคุณครูได้เลือกใช้อีกหลากหลาย เช่น Classwork page ใน Google Classroom ซึ่งสามารถจำลองเป็นห้องเรียนที่ใช้ทั้งสอนนักเรียนและมอบหมายงานได้ ดังนั้น Chrome OS จึงเหมาะที่จะใช้เป็นห้องเรียนพื้นฐาน และยังมีฟังก์ชันที่หลากหลายให้ได้ลองใช้ เช่น podcasts, remote lectures, eBook และการทำงานร่วมกันระหว่างโรงเรียนต่าง ๆ แบบออนไลน์
5. Predictive Analytics
หลายครั้งคุณครูคงเคยเห็นการวิเคราะห์เชิงลึกมาในรูปแบบการตรวจสุขภาพ เพื่อเตรียมความพร้อมและกำหนดเป้าหมายเพื่อให้มีสุขภาพที่ดี แต่กลับไม่ค่อยได้พบเห็นใครนำการวิเคราะห์เชิงลึกมาใช้กับคะแนนสอบอย่างจริงจัง ซึ่งปัจจัยของการวิเคราะห์เชิงลึกในคะแนนสอบนั้นมีปัจจัยหลัก คือการวิเคราะห์ด้านสังคม สุขภาพ และอื่น ๆ ร่วมด้วยเพื่อพิจารณาว่านักเรียนนั้นมีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน และคุณครูจะกำหนดเป้าหมายเพื่อแก้ไขจุดบกพร่องให้นักเรียนได้อย่างไร
6. Deeper Insight Into Each Student’s Learning Experience
โดยปกติคุณครูจะมีกรอบตัวชี้วัดในการสังเกตและทดสอบ เพื่อประเมินการเรียนรู้ของนักเรียน แต่ในปัจจุบันรูปแบบของการเรียนรู้ของนักเรียนมีความหลากหลายมากขึ้น ทั้งจากการใช้อุปกรณ์ดิจิทัล หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ คุณครูจึงสามารถเก็บข้อมูลการศึกษาของนักเรียนได้ง่ายและละเอียดมากขึ้น นี่จึงถือเป็นโอกาสที่ดีในการทำความเข้าใจเทคโนโลยีเพื่อประเมิน และปรับเปลี่ยนประสบการณ์การเรียนรู้ให้กับนักเรียนแต่ละคน
7. AR-Powered International Field Trips
โลกของการทัศนศึกษาแบบเสมือนจริงโดยการใช้เทคโนโลยี Virtual Reality (AR) นั้นช่วยให้นักเรียนเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ได้ทั่วโลก เพื่อศึกษาหาข้อมูลและโต้ตอบกับสิ่งประดิษฐ์ หรือวัตถุต่าง ๆ แบบเสมือนจริงได้อย่างละเอียดมากขึ้น ซึ่งการทัศนศึกษาแนวนี้ช่วยเพิ่มความเข้าใจแบบเจาะลึกให้นักเรียนอย่างมาก
8. Real-Time Digital Engagement
เทคโนโลยีบนโลกแห่งดิจิทัล ยังคงก้าวหน้าและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบรับกับการเรียนรู้ในปัจจุบัน ทั้งการรวบรวมข้อมูลที่ค้นหาแบบเรียลไทม์ การสื่อสารแบบสองทิศทาง และการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอนที่ยืดหยุ่น เพื่อสนับสนุนห้องเรียนของคุณครูให้เกิดการเรียนรู้แบบปฏิสัมพันธ์ ทั้งในรูปแบบของการส่งกิจกรรม แบบทดสอบต่าง ๆ หรือรวบรวมข้อเสนอแนะ ปรับปรุงบทเรียน เพื่อตอบสนองการเรียนรู้ของนักเรียนได้แบบเรียลไทม์
9. Instant Feedback For Students
การสร้างห้องเรียนในรูปแบบออนไลน์นั้น ทำให้คุณครูสามารถส่งข้อเสนอแนะให้ผู้เรียนได้ทันที ยกตัวอย่างเช่น
เมื่อนักเรียนกำลังทำโปรเจคผ่านช่องทาง Google Doc (เอกสารออนไลน์) คุณครูก็สามารถแสดงความคิดเห็นเพื่อช่วยเหลือนักเรียนได้ในทันที และนอกจากนี้คุณครูยังสามารถแชร์ข้อมูล หรือเนื้อหาเพื่อช่วยในการทบทวนและทำงานร่วมกันกับนักเรียนได้อีกด้วย
10. Back-Office Tech
คุณครูทุกท่านเต็มที่เสมอ เพื่อสร้างการศึกษาที่ "ดีที่สุด" จากตัวอย่างของการสอนหลักสูตรแบบ Reggio ที่สร้างขึ้นนั้น มีเป้าหมายแตกต่างกับหลักสูตร STEM ที่นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยยกระดับเบื้องหลังการจัดการเรียนการสอน เช่น การจัดการภาระงานที่ซ้ำซ้อน การรวบรวมข้อมูลเชิงลึก เพื่อช่วยให้คุณครูได้รับรู้ถึงสิ่งที่จำเป็นเพื่อนำมาพัฒนาคุณภาพของหลักสูตรให้ “ดีที่สุด”
11. Teaching Low-Code App Development
ในอีก 5 ปีข้างหน้าเทคโนโลยี Low-code จะทำให้ทุกคนจะกลายเป็นนักพัฒนา ในขณะนี้โรงเรียนมัธยมบางแห่งในอเมริกาเริ่มมีการเคลื่อนไหวแล้ว และในเร็ว ๆ นี้หลายสถาบันในอเมริกา ก็เริ่มมีการสอนหลักสูตรสร้างแอปพลิเคชันโดยไม่ต้องใช้โค้ด เนื่องจากมีเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยสร้างโซลูชันใหม่ ๆ ให้ง่ายและเร็วยิ่งขึ้น ทำให้อุปสรรคด้านเทคโนโลยียุ่งยากนั้นสลายไป และช่วยนักเรียนที่เพิ่งจบการศึกษาสามารถริเริ่มทำงานสายนี้ได้อย่างมืออาชีพ
12. Transmedia Edutainment
การผสมผสานระหว่างการศึกษา สมาร์ทโฟน โลกออนไลน์ และความเสมือนจริงของ Virtual Reality (AR) นั้น ทำให้การศึกษาพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเมื่อการศึกษาเข้าร่วมกับสื่อดิจิทัลทั้งหมด ก็จะช่วยให้ผู้เรียนเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างไร้ขีดจำกัด ซึ่งคุณครูจะต้องอัปเดทความรู้ใหม่ ๆ เพื่อให้ทันกับการเติบโตของเทคโนโลยีอยู่ตลอดเวลา
13. Better Use Of Existing Resources
โรงเรียนและคุณครูคือผู้อยู่เบื้องหลังสำคัญในการนำเทคโนโลยีมาพัฒนาการศึกษาให้ดียิ่งขึ้น
การใช้ YouTube เป็นหนึ่งตัวเลือกของการนำเทคโนโลยีมาส่งเป็นบทเรียนสั้น ๆ ที่นักเรียนสามารถทบทวนในช่วงปิดเทอมได้ หรือใช้ Google Doc (เอกสารออนไลน์) เพื่อติดตามการบ้านได้ดีและสะดวกขึ้น และอีกหลากหลายเทคโนโลยีในปัจจุบันที่คุณครูสามารถนำมาปรับใช้ได้
14. Developments In Nontraditional Education
เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนสำคัญในการปรับปรุงห้องเรียนอย่างชัดเจน ซึ่งไม่นานมานี้ เราจะได้เห็นการพัฒนาครั้งใหญ่ของการศึกษานอกห้องเรียนมาบ้างแล้ว อย่างแพลตฟอร์ม เช่น Udemy, Corsera และแม้แต่ Quora ที่กำลังเติบโต และได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย เนื่องจากมีศักยภาพในการนำเครื่องมือดิจิทัล เช่น Virtual Reality, Artificial Intelligence, แชทบอท หรือแม้แต่การพิมพ์แบบ 3 มิติ เข้ามามีบทบาทในแพลตฟอร์มเพื่อเพิ่มคุณค่าและพัฒนาแบบจัดเต็มให้กับห้องเรียนยุคใหม่
เรียนรู้เพิ่มเติม บทความการศึกษา อจท. อื่นๆ ได้ที่ >>> คลิก <<<
เรียนรู้เพิ่มเติม บทความการศึกษา อื่นๆ ได้ที่ >>> คลิก <<<
Relate article