เมื่อครูต้องใช้พลังเรียกสมาธิให้เด็กตั้งใจเรียนหนังสือ
เมื่อครูต้องใช้พลังเรียกสมาธิให้เด็กตั้งใจเรียนหนังสือ
สำหรับบทความนี้ เพราะเรานำเทคนิคดีๆใกล้ตัวคุณครู เพียงแค่สังเกตและใส่ใจพฤติกรรมของนักเรียน
ก็สามารถหาเทคนิคตรงใจพวกเขาได้แล้ว จะมีวิธีอะไรบ้างมาดูกันเลยครับ
1.ครูต้องแสดงออกถึงพลังและความกระตือรือร้นเพื่อให้เด็กตั้งในเรียนหนังสือ
ในเวลาที่อยู่กับเด็ก อาทิเช่น อย่าเอาแต่ยืนนิ่งๆ อยู่กับที่ ให้เดินไปเดินมาบ้างและคอยพูดคุยสื่อสารกับเด็กอยู่เสมอ ครูควรปฏิบัติทั้งสองเรื่องนี้ควบคู่กันไป พร้อมกับหากิจกรรมที่สนุกสนานให้เด็กทำ
2.การเรียนการสอนควรเปิดโอกาสให้เด็กได้มีส่วนร่วมด้วย
ไม่ควรยืนพูดหน้าชั้นอย่างเดียว และครูควรตั้งคำถามบ่อยๆ ทั้งคำถามที่ต้องการคำตอบและไม่ต้องการคำตอบ ในการสาธิตอะไรต่างๆ ให้เด็กดู ครูอาจเป็นคนเริ่มต้นคำถามโดยให้เด็กเป็นคนต่อจนจบ ครูอาจจะทำอะไรบางอย่างให้เด็กดู แล้วถามว่า “ทำไมครูถึงทำอย่างนั้น?” มากกว่าการอธิบายเองทั้งหมด
3.ครูควรทำสิ่งต่อไปนี้บ่อยๆ
เท่าที่จะเป็นไปได้ คือให้เด็กๆ เขยิบมานั่งใกล้ๆ ครูในขณะที่ครูกำลังจัดการเรียนการสอนหรือแสดงอะไรบางอย่างให้เด็กดู อาจให้เด็กนั่งขัดสมาธิบนพื้นก็ได้
4.เมื่อเด็กตั้งคำถาม
ให้ครูโยนลูกไปให้เพื่อนนักเรียนด้วยกันเป็นคนตอบ โดยครูควรแน่ใจว่าเด็กคนแรกที่ครูเรียกเป็นคนที่รู้คำตอบนั้นๆ ดี เพื่อให้เด็กคุ้นเคยกับการเรียนรู้จากกันและกัน
5.ให้ครูชี้ตัวเด็กเมื่อต้องการให้เด็กตอบคำถาม แทนที่จะใช้วิธีเรียกชื่อ
เนื่องจากเด็กจะไม่สนใจเรียนจนกว่าจะได้ยินครูเรียกชื่อตนเอง การใช้วิธีชี้ตัวจะทำให้เด็กๆ ทุกคนในห้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา และมีสมาธิจดจ่ออยู่กับเรื่องที่กำลังเรียน
6.ในกิจกรรมที่ครูเคยเรียกเด็กให้ร่วมแสดงความเห็น
ให้ครูเรียกเด็กคนนั้นซ้ำอีก มิเช่นนั้นเด็กที่ถูกเรียกให้ตอบหรือครูขอความเห็นแล้ว จะหมดความสนใจในการเรียนทันที การเรียกซ้ำจะช่วยให้เด็กตั้งใจเรียนต่อไป หากเด็กคนใดแสดงท่าทีกระตือรือร้นอยากแสดงออก ครูควรมอบหมายให้เด็กเป็นคนรับผิดชอบงานบางอย่าง อาทิ การเล่นเกมในห้อง หรือการทำกิจกรรมบางอย่าง อย่างน้อยที่สุดเด็กคนดังกล่าวจะเรียนรู้ทักษะความรับผิดชอบ
7.ในขณะที่ครูกำลังสาธิตหรือแสดงบางสิ่งให้เด็กกลุ่มหนึ่งดู
ให้ครูตั้งคำถามหรือดึงเด็กจากกลุ่มอื่นๆ เข้ามาร่วมด้วยโดยไม่ให้รู้ตัวล่วงหน้า เพื่อที่เด็กทุกกลุ่มจะได้ตั้งใจเรียนแม้ว่าครูจะไม่ได้สื่อสารกับกลุ่มเหล่านั้นโดยตรงก็ตาม
8.เมื่อถึงเวลาที่ครูต้องเรียกเด็กๆ กลับมาประจำที่หลังจากที่ทำงานกลุ่มแล้ว
วิธีที่ดีคือ ไม่ต้องใช้คำพูด แต่ให้ใช้สัญญาณดีดนิ้วให้จังหวะแทน เด็กบางคนจะเริ่มสังเกตสัญญาณดังกล่าวและปฏิบัติตาม ในไม่ช้าเด็กๆ ทั้งชั้นก็เรียนรู้ที่จะปฏิบัติตามพร้อมกัน อย่างไรก็ดี ครูไม่ควรใช้วิธีปรบมือให้สัญญาณ เพราะเสียงจะดังเกินไปและอาจทำให้เด็กตกใจได้
9.ครูไม่ควรผูกขาดการเรียกชื่อเด็กให้เข้าร่วมกิจกรรมแต่เพียงฝ่ายเดียว
แต่ควรเปิดโอกาสให้เด็กได้เป็นผู้เลือกเพื่อนในชั้นเรียนเองบ้างด้วย
10.พยายามใช้ประโยชน์จากความรู้ที่เด็กมี
เหตุผลหนึ่งที่ทำให้เด็กหมดความสนใจในการเรียน คือ ครูมักคิดว่าเด็กอายุยังน้อยหรือมาจากครอบครัว/ชุมชนที่มีพื้นความรู้และประสบการณ์แตกต่างไปจากของครู หากครูรู้จักเลือกใช้ตัวอย่างจากโลกที่เด็กรู้จัก เด็กๆ จะเกิดความตื่นตัวที่จะเรียนรู้
11.พยายามสื่อสารกับเด็กด้วยถ้อยคำที่เข้าใจง่าย
อย่าทำให้เด็กเกิดความสับสนกับการใช้ศัพท์วิชาการยากๆ โดยครูควรเลือกใช้คำง่ายๆ ที่มีความหมายใกล้เคียงกันแทน
12.เวลาที่ครูต้องพาเด็กออกไปทัศนศึกษานอกห้องเรียน
หมั่นเปลี่ยนวิธีเดินเรียงแถวทุกครั้ง เช่น อาจให้เด็กเดินตามลำดับความสูง ตามวันเกิด หรืออาจให้เด็กหญิงเดินสลับกับเด็กชาย เป็นต้น ในขณะที่เดิน ให้เด็กนับสิ่งต่างๆ ที่พบเจอรอบตัว เช่น รถยนต์ อาคารบ้านเรือน ต้นไม้ ฯลฯ เพื่อฝึกทักษะด้านการสังเกตและด้านคณิตศาสตร์ไปในตัว
13.บางครั้งครูไม่ควรให้ความสนใจจนเกินไปกับเด็กที่สร้างปัญหาในห้อง
เช่น เด็กที่ชอบพูดคุย ยั่วแหย่เพื่อน ฯลฯ โดยเฉพาะหากการสนใจนั้นทำให้บรรยากาศของห้องเรียนทั้งหมดสะดุดลง หรือในกรณีที่ห้องเรียนมีนักเรียนจำนวนมากกว่า 20 คนขึ้นไป วิธีที่ดีที่สุดประการหนึ่งคือพยายามให้เด็กทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมในการเรียน บางครั้งเด็กอาจจะสร้างปัญหาบางอย่างขึ้นมาอีก แต่พฤติกรรมเช่นนี้จะเกิดขึ้นไม่นาน ถ้าเด็กเห็นว่าเพื่อนๆ กำลังเรียนสนุกและไม่สนใจตน
ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก :
- TrainKru by LearnEducation
เรียนรู้เพิ่มเติม บทความการศึกษา อจท. อื่น ๆ ได้ที่ >>> คลิก <<<
เรียนรู้เพิ่มเติม บทความการศึกษา อื่น ๆ ได้ที่ >>> คลิก <<<
บทความที่เกี่ยวข้อง
ไม่มีบทความที่เกี่ยวข้อง