สร้างเด็กให้เป็นผู้นำในอนาคต
เติบโตได้ดีในยุคนี้ต้องเติมเต็มศักยภาพให้แข็งแกร่งได้ขนาดไหน? บทความนี้ขอพูดถึงการฝึกทักษะการเป็นผู้นำให้กับเด็ก สร้างเด็กให้เป็นผู้นำในอนาคต อย่างที่เรารู้กันดีว่าที่ยืนในสังคมปัจจุบันนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ทุกคนต่างไขว่คว้าโอกาส หาที่พึ่งพิง และการมีต้นทุนชีวิตที่ดีสามารถช่วยส่งเสริมความเป็นผู้นำได้ดียิ่งขึ้น บุคคลใดที่ได้รับบทเป็นผู้นำ มักมีโอกาสมีชีวิตที่ดีกว่าผู้อื่นเสมอ เราจะสอนให้เด็กเติบโตไปเป็นผู้นำได้อย่างไร และควรเสริมทักษะใดเพื่อปลูกฝังความเป็นผู้นำให้เด็กมีศักยภาพในอนาคต
เด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า การเป็นผู้นำ (Leadership Skills) เป็นทักษะที่สำคัญต่อการเติบโตของเด็ก ๆ เริ่มสอนและส่งเสริมกันตั้งแต่ยังเล็ก ทักษะที่เด็ก ๆ ได้ก็จะเพิ่มพูนและเป็นการปลูกฝังที่ดี เรียนรู้ที่จะเข้าสังคม ทำงานเป็นทีม อยู่ร่วมกับผู้อื่น รวมถึงความรับผิดชอบต่อตัวเอง ซึมซับพัฒนาตนเองนำไปปรับใช้ในอนาคต
ผู้นำแบบไหนที่สังคมต้องการ
เชื่อว่าคุณครูหรือผู้ปกครองทุกคนต้องการให้เด็ก ๆ มีภาวะการเป็นผู้นำ แต่ผู้นำในโลกยุคนี้จะต้องมีลักษณะที่มีความคิดที่หลากหลาย ไม่ปิดกั้น มีเหตุผล และยอมรับได้ในความแตกต่าง เช่น เชื้อชาติ วัฒนธรรม เพศสภาพ มีความคิดสร้างสรรค์ พร้อมทั้งเรียนรู้และเข้าใจเทคโนโลยีนวัตกรรมควบคู่ไปด้วย สร้างความแตกต่างและสิ่งใหม่ ๆ ให้กับองค์กรหรือสังคมได้
สร้างเด็กให้โตไปเป็นผู้นำควรเสริมทักษะใดและส่งเสริมเด็กอย่างไร
เริ่มต้นด้วยการให้เด็กตัดสินใจด้วยตนเอง
เดิมทีผู้ใหญ่มักจะคอยให้ความช่วยเหลือ และจัดการทุกอย่างให้กับเด็ก ๆ ตลอดเวลา จนลืมเปิดโอกาสให้เด็กได้มีช่องว่างในการตัดสินใจ หรือใช้ความคิดของตนเอง ได้ลองทำอะไรด้วยตนเอง เราอาจลองปรับเปลี่ยนเริ่มต้นจากให้เด็กได้ตัดสินใจจากเรื่องง่าย ๆ เช่น การเลือกเสื้อผ้า เลือกของใช้ เลือกอาหารการกิน ในบางครั้งต้องใช้สถานการณ์ในชีวิตประจำวันในการฝึกเลือกตัดสินใจร่วมด้วย เพื่อสร้างความมั่นใจในตัวของเด็กเอง ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เด็กมีความกล้าหาญ ภูมิใจในความสามารถของตัวเอง ถึงแม้ในบางครั้งเด็กอาจตัดสินใจผิดพลาด เราสามารถสอนเพิ่มเติมได้เพื่อให้ได้เรียนรู้จากสิ่งที่พวกเขาได้ลองทำ และควรให้กำลังใจชื่นชมกับสิ่งที่พวกเขาเลือกด้วยตนเองโดยที่ไม่ร้องขอขอความช่วยเหลือจากเรา
ค้นหาความสามารถของเด็กพร้อมส่งเสริมให้ถูกทาง
สอดส่องพฤติกรรมตามหาความชอบความสนใจของเด็ก จุดแข็งในตัวของเด็กเองจะช่วยให้พวกเขาพัฒนาเป็นผู้นำได้ดี ซึ่งเด็กแต่ละคนมักมีความชอบความสนใจที่แตกต่างกันไป เพียงแค่เราคอยส่งเสริมพร้อมเปิดช่องทางการเรียนรู้ในด้านนั้น ๆ ให้เด็กได้ตามความฝันของตนเอง โดยไม่ยึดติดกับชีวิตในฝันของเรา ไม่ควรยัดเยียดความชอบของตัวเราให้กับเด็ก ควรร่วมมือร่วมใจ และให้กำลังใจช่วยเปลี่ยนจากฝันให้เป็นจริง ซึ่งในความเป็นจริงนั้นขึ้นอยู่กับสภาวะแต่ละครอบครัว และช่องทางการส่งเสริม ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าเราส่งเสริมได้ถูกทาง และทำเต็มที่ในการต่อยอดให้กับเด็กแล้ว ก็ถือว่าเราร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาความเป็นผู้นำในอนาคตของเด็กคนหนึ่งเช่นกัน
ปลูกฝังความอดทน ไม่ยอมแพ้กับอะไรง่าย ๆ
ความย่อท้อต่ออุปสรรคหรือความพ่ายแพ้ที่ต้องพบเจอ อาจเป็นสิ่งบั่นทอนจิตใจในการล้มเลิกที่จำอะไรได้ง่าย ๆ ซึ่งผู้ใหญ่อย่างเราก็อาจจะเคยอยู่ในภาวะนั้น ๆ โดยปกติของเด็กจะไม่สามารถอดทน และจดจ่อกับอะไรได้นาน เมื่อต้องเจอกับสิ่งที่ยากเกินความสามารถของตัวเอง การปลูกฝังความอดทนเป็นสิ่งหนึ่งที่เด็กควรจะเรียนรู้เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ต้องเจอในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันกีฬา การเจรจา การต่อรอง หรือการทำงานในองค์กร สิ่งที่ผู้ใหญ่ทำได้คือเสริมแรงกระตุ้นและผลักดัน สร้างแรงจูงใจที่จะทำให้เด็กมีความพยายาม ไม่ถอดใจ และไม่หมดความหวังง่าย ๆ สร้างความคิดแบบใหม่ "ฉันจะทำได้อย่างไร" แทนที่จะคิดว่า "ฉันทำไม่ได้" เพื่อให้เด็ก ๆ ได้ดิ้นรนกับบางสิ่งบางอย่างเรียนรู้ที่จะเอาชนะความกลัวของตนเอง สิ่งนี้จะช่วยให้เด็กได้ใช้ความคิดในการแก้ปัญหาชีวิตนำไปสู่ความสำเร็จเป็นส่วนหนึ่งของการมีภาวะผู้นำ
เปิดโอกาสให้เด็กมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ
วิธีนี้เป็นการเปิดช่องทางให้เด็กได้มีบทบาทสร้างตัวตนได้ดี อาจใช้กิจกรรมที่มีส่วนร่วมภายในครอบครัว หรือกิจกรรมในห้องเรียนจากการจัดกลุ่มทำงานเป็นทีมที่ต้องอาศัยการแสดงความคิดเห็นเพื่อให้โอกาสเด็กได้ร่วมตัดสินใจกับคนอื่นจะทำให้เด็กรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า มีสิทธิ์ มีเสียงในการออกความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ หรือจะเป็นการถามคำถามง่าย ๆ ว่า วันนี้อยากจะทำอะไร อย่างจะกินอะไร อยากฟังนิทานเรื่องไหน อยากเรียนรู้เรื่องอะไร ลองชวนมาทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อเป็นการฝึกให้พวกเขามีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม และกล้าแสดงออกเผยความเป็นผู้นำที่ตัวเองมั่นใจ
ให้เด็กได้อยู่ในแวดล้อมไปด้วยบุคคลที่มีภาวะผู้นำ
จิม โรห์น (Jim Rohn) ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาตนเองได้กล่าวไวว่า "คุณคือค่าเฉลี่ยของคนที่คุณใช้เวลาอยู่ด้วยมากที่สุด" ซึ่งมีหลายงานวิจัยที่บอกว่า คนรอบตัวของเราส่งผลต่อพลังงาน และสุขภาพจิตโดยที่ตัวเราเองอาจจะนึกไม่ถึง ถ้าเรามองในความเป็นจริงจากสิ่งรอบตัวก็ถือว่ามีผลค่อนข้างมาก มันอาจเป็นการซึมซับพฤติกรรมการยอมรับในสิ่งที่เห็น การปรับตัวกับสิ่งที่เจอ และความอยากจะเป็นตามบุคคลนั้น ๆ สิ่งเหล่านี้อาจเป็นตัวส่งผลให้ให้เรากลายเป็นเหมือนบุคคลรอบ ๆ ตัวเรา และนอกจากนี้ถ้าเด็ก ๆ ได้เรียนรู้จากตัวอย่างบุคคลที่มีภาวะความเป็นผู้นำ เรียนรู้วิธีการคิด การแก้ปัญหา การแชร์ประสบการณ์ที่ดี แนะนำช่องทางการใช้ชีวิต ก็จะช่วยให้เด็ก ๆ ได้แบบอย่างที่ดี และประสบความสำเร็จได้เช่นกัน
คุยกับเด็กให้เหมือนคุยกับผู้ใหญ่
อย่าพึ่งคิดว่าเด็กจะไม่เข้าใจ แต่ให้คิดว่าพวกเขาต้องเรียนรู้ความเป็นผู้ใหญ่จากการที่เราถ่ายทอดทางคำพูดหรือความคิด โดยยึดหลักสอนด้วยความคิดที่มีตรรกะเชิงเหตุผล ฉลาดคิด ฉลาดแก้ปัญหา มองปัญหา และลู่ทางในการแก้ไขได้ ใช้โอกาสจากสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น การเล่านิทาน การฟังข่าว หรือการดูการ์ตูน อาจชวนเด็กคุยหาข้อคิดจากสิ่งที่เด็กได้ดูได้ฟัง แชร์ความคิดซึ่งกันและกัน ถามคำถามมีข้อเสนอแนะที่เด็กสามารถคิดต่อยอดได้ วิธีนี้จะช่วยพัฒนาทักษะเรื่องการฟัง การเคารพในความคิด และมุมมองของผู้อื่นได้ดี
การส่งเสริมทักษะความเป็นผู้นำในเด็กเป็นวิธีที่สำคัญที่สุดวิธีหนึ่งในการพัฒนาอนาคต เปรียบได้ว่าเป็นการลงทุนที่เล็กน้อย ที่เราค่อย ๆ สอน ค่อย ๆ สอดแทรกไปกับเทคนิคเหล่านี้ เพียงใช้ความใส่ใจพร้อมที่จะส่งเสริมผลักดันให้เด็กได้เติบโตมีศักยภาพเป็นผู้นำด้วยตนเอง ผู้นำทีม ผู้นำด้านธุรกิจ หรือผู้นำประเทศ เพียงพวกเขากล้าที่จะก้าวขาออกมาเป็นผู้นำไม่ว่าเรื่องจะใดก็ตาม ถือว่าพวกเขามีความมั่นใจที่จะสร้างบทบาทของตนเองแล้ว ยิ่งเราสามารถพัฒนาทักษะความเป็นผู้นำให้เด็กได้เร็ว ความเป็นผู้นำของเด็กจะเป็นธรรมชาติฝังอยู่ในตัวเด็กมากขึ้น
ข้อมูลจาก
- https://momandbaby.net/parenting/raising-children35/leader21/
- https://letsgrowleaders.com/2018/03/15/leadership-skills-in-children/
- https://www.psychologytoday.com/intl/blog/the-mindful-self-express/201206/five-essential-skills-leadership-in-the-21st-century
- https://www.lifehack.org/articles/communication/15-easy-ways-develop-leadership-skills-your-kids.html
บทความที่เกี่ยวข้อง