ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน หรือการรู้กว้างอย่างหลากหลาย จะทำให้เราประสบความสำเร็จกันแน่
ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน หรือการรู้กว้างอย่างหลากหลาย
จะทำให้เราประสบความสำเร็จกันแน่
-
ข้อมูลทางสถิติหลายอย่างจากหนังสือ Range ของ เดวิด เอปสตีน บอกว่า นักกีฬาหรือนักดนตรีที่มีชื่อเสียงอย่างมากมาย ไม่ได้บอกว่าหนทางเดียวที่จะไปถึงเป้าที่หวังนั้น จำเป็นจะต้องมุ่งความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพียงอย่างเดียว หลายคนผ่านการลองผิดลองถูกมาอย่างหลากหลาย เพราะบางครั้งความเป็นเลิศเฉพาะด้านอาจจะทำให้เรามองโลกเพียงด้านเดียว
-
นักจิตวิทยาอย่าง เนต คอร์เนลล์ ได้บอกไว้ว่า “สิ่งสำคัญคือเราต้องทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก” หมายถึงการทำเรื่องที่เรียนรู้อยู่เป็นเรื่องท้าทาย เป็นไปอย่างช้า ๆ ซึ่งอาจจะส่งผลดีกว่าในระยะยาว เพราะว่ากระบวนการหาคำตอบนี้เอง จะช่วยเพิ่มพูนการเรียนรู้ได้ภายหลัง และสามารถจดจำได้ดีกว่าและเกิดการเรียนรู้แบบถาวร
-
เครื่องมือแบบเดียว ไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตในโลกอันซับซ้อน โยงใย และเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าท่ามกลางโลกที่เปลี่ยนแปลงไปทุกวันอาจจะทำให้การเรียนการสอนในวันนี้โตตามไม่ทัน แต่ครูสามารถสร้างเด็กให้รับมือความเปลี่ยนแปลงของโลกได้ ผ่านการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น สร้างสรรค์และกว้างขึ้น
“เครื่องมือแบบเดียว ไม่เพียงพอต่อการ ใช้ชีวิตในโลกอันซับซ้อน โยงใยและเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน”
- พฤศจิกายน 2563 นักวิทยาศาสตร์ค้นพบดาวเคราะห์ที่มนุษย์อยู่อาศัยได้อย่างน้อย 300 ล้านดวงในกาแล็กซีทางช้างเผือก
- เมษายน 2564 ประเทศไทยเริ่มต้นการซื้อบ้านด้วย Bitcoin เป็นครั้งแรก
- พฤษภาคม 2564 โรงเรียนเริ่มทดลองเรียนระบบออนไลน์วันแรกของปีการศึกษา 2564
- กรกฎาคม 2564 เจฟฟ์ เบโซส เจ้าพ่อ Amazon ขึ้นจรวดท่องอวกาศเป็นครั้งแรกของโลกด้วยเวลาเพียง 30 นาที
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงช่วงเวลาไม่กี่เดือนคำว่า “โลกหมุนเร็วขึ้นทุกวัน” คงจะไม่ใช่คำที่พูดเกินจริงไปนัก การค้นพบปรากฎการณ์ใหม่ ๆ ยืนยันให้เด็ก ๆ ของเราต้องเตรียมพร้อมและรับกับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ นอนว่าในหนึ่งห้องเรียนเราจะพบกับเด็กหลากหลายรูปแบบ เด็กบางคนเน้นวิชาการถนัดทุกอย่างที่ครูสอนในบทเรียน แบบที่เพื่อน ๆ ในห้องเดียวกันเรียกว่า “เด็กหน้าห้อง” ในขณะที่อีกกลุุ่มอาจถนัดในทุกศาสตร์ที่อาศัยความคิดสร้างสรรค์ ศิลปะ การละคร ดนตรี-นาฏศิลป์ เข้าข่าย “เด็กกิจกรรม” ตัวยง ทุก ๆ ครั้งที่โรงเรียนมีกิจกรรมก็มักจะเห็นเด็กเหล่านี้เป็นตัวแทนหรืออยู่แถวหน้าเสมอ ในความเป็นจริงแล้วเราอาจไม่จำเป็นต้องแยกพวกเขาออกเป็น 2 กลุ่ม จะดีกว่าไหมถ้าเขาทำได้ดีทั้ง 2 แบบ หรือ มากกว่า 2 แบบแน่
ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านสามารถเป็นแรงผลักดันให้ไปถึงเส้นชัย หรือการรู้กว้าง และรู้อย่างหลากหลาย จะทำให้เราประสบความสำเร็จกันแน่
เดวิด เอปสตีน ได้เขียนไว้อย่างน่าสนใจในหนังสือ Range เกี่ยวกับการพัฒนาความเป็นเลิศทางด้านทักษะเฉพาะทางของนักกีฬาระดับโลกอย่าง ไทเกอร์ วูดส์ ที่อายุ 3 ขวบก็หัดตีลูกกอล์ฟออกจากหลุมทราย 4 ขวบฝึกซ้อมกอล์ฟวันละ 8 ชั่วโมง และสามารถแข่งชนะพ่อได้ในวัยเพียง 8 ขวบ ด้วยความมุ่งมั่นตั้งแต่เด็กนี้ ทำให้เขาเป็นนักกอล์ฟที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดตลอดกาลคนหนึ่ง ไทเกอร์ วูดส์ ได้ทำลายสถิติกีฬากอล์ฟหลายรายการ ครองตำแหน่งนักกอล์ฟอันดับหนึ่งของโลกโดยมีระยะเวลาต่อเนื่องยาวนานที่สุด และมีจำนวนสัปดาห์ที่มากที่สุดมากกว่านักกอล์ฟคนอื่น ๆ
การตั้งมั่นในทักษะเฉพาะคือหัวใจหลักของการประสบความสำเร็จยิ่งในยุคที่ทุกคนต่างมองหาความเป็นเลิศเฉพาะทาง ไม่ต่างจากสามพี่น้องโพลการ์ ที่พ่อของพวกเธอฝึกฝนให้เล่นหมากรุกตั้งแต่อายุยังน้อยจนพวกเธอประสบความสำเร็จเป็นที่ยอมรับและสามารถเดินทางไปแข่งขันได้ทั่วโลกในปี 1996 ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นแชมป์โลกแต่ก็โดดเด่นจนเป็นที่ยอมรับ นับว่าการทุ่มเทกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเฉพาะทางดูจะเป็นเรื่องที่ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าสามารถส่งผลต่ออนาคตของเด็กคนหนึ่งอย่างมีนัยยะสำคัญ
แต่เราจะต้องพัฒนาทักษะเฉพาะด้านเท่านั้นหรือ และหากเด็กคนหนึ่งไม่มีทักษะเฉพาะด้านเลย เด็กคนนั้นจะสามารถไปถึงเป้าหมายที่ฝันไว้ได้หรือไม่
โรเจอร์ เฟเดอเรอร์คือตัวอย่างของการเดินบนเส้นทางที่หลากหลาย เขาลองเล่นกีฬาทุกอย่างตั้งแต่เด็ก ทั้ง สกี มวยปล้ำ ว่ายน้ำ ฟุตบอล สควอช ปิงปอง เทนนิส แฮนด์บอล แบตมินตัน ซึ่งกว่าเขาจะเริ่มมาสนใจเทนนิสก็นับว่าช้ากว่าคนอื่นไม่น้อย โรเจอร์ เฟเดอเรอร์เอง ได้บอกว่าเขาเป็นคนชอบเล่นกีฬาที่มีลูกบอลเป็นส่วนประกอบ เพราะการได้ลองกีฬาที่หลากหลายนี้เอง ทำให้เขาสามารถหาความเชื่อมโยงของกีฬาประเภทต่าง ๆ ได้ จนสามารถเป็นมือเทนนิสอันดับ 1 ของโลกจำนวน 237 สัปดาห์ติดต่อกัน, เป็นผู้เล่นที่ครองตำแหน่งมือวางอันดับ 1 ที่มีอายุมากที่สุด
โลมาเชนโก นักชกชาวยูเครน เจ้าของเข็มขัดโลกของ WBC, WBA และ WBO เองก็เป็นหนึ่งของคนที่เล่นกีฬาอย่างอย่างหลากหลายทั้ง ยิมนาสติก บาสเกตบอล ฟุตบอล เทนนิส เขาคิดว่ากีฬาทุกอย่างทำให้เขามีฟุตเวิร์กที่แข็งแกร่งสำหรับการต่อยมวย
ข้อมูลทางสถิติหลายอย่างจากหนังสือ Range ของ เดวิด เอปสตีน บอกว่า นักกีฬาหรือนักดนตรีที่มีชื่อเสียงอย่างมากมาย ไม่ได้บอกว่าหนทางเดียวที่จะไปถึงเป้าที่หวังนั้น จำเป็นจะต้องมุ่งความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพียงอย่างเดียว หลายคนผ่านการลองผิดลองถูกมาอย่างหลากหลาย เพราะบางครั้งความเป็นเลิศเฉพาะด้านอาจจะทำให้เรามองโลกเพียงด้านเดียว เนื่องจากการทำอะไรซ้ำเดิมบ่อย ๆ จะทำให้สามารถพัฒนาสัญชาติญาณให้แม่นยำมากยิ่งขึ้น แต่ต้องแลกกับความยืดหยุ่นที่อาจจะเสียไป เพื่อให้ได้ทักษะเฉพาะด้านนี้มา นักวิจัยคนหนึ่งได้บอกไว้ว่าเราควร “วางเท้าข้างหนึ่งไว้นอกโลกของตัวเอง” บ้าง
หากนำมาประยุกต์ใช้ในห้องเรียนครูอาจจะสนับสนุนให้เด็กได้ลองทำกิจกรรมในสิ่งที่เค้าชอบ และในขณะเดียวกันก็ควรให้เขาลองกิจกรรมอื่นที่เค้าไม่ถนัดดูบ้าง เช่น เด็กที่ชอบวิชาการอาจจะให้พวกเขาลองทำงานศิลปะเป็นงานอดิเรก หรือเด็กที่ชอบกีฬาลองฝึกให้พวกเขาใช้ทักษะด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์มาผนวกเข้ากับกีฬาดูบ้าง เพื่อให้พวกเขามีทักษะที่ยืดหยุ่นและหลากหลาย ดังเช่น สตีฟ จ็อบส์ที่เคยกล่าวไว้ว่าวิชาอักษรวิจิตรมีผลอย่างมากต่อการออกแบบของเขา เพราะเราคงปฎิเสธไม่ได้ว่า เครื่องแมค หรือโทรศัพท์ไอโฟนที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ มีฟอนต์ที่สวยงามและการจัดวางช่องไฟอย่างได้สัดส่วน
ครูควรปล่อยให้เด็ก ๆ ได้ลองผิดลองถูกจากเรื่องที่เขาไม่ถนัด หรือในห้องเรียนบ่อยครั้งที่ครูมักบอกใบ้คำตอบให้เด็กในการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เพราะคิดว่าการเข้าหาคำตอบได้ไวภายในคาบชั่วโมงเรียนเป็นเรื่องที่ดี และสามารถสอนเรื่องอื่น ๆ ได้เพิ่มเติมอีกหลายเรื่อง แต่การเรียนที่ดีนั้น นักจิตวิทยาอย่าง เนต คอร์เนลล์ ได้บอกไว้ว่า “สิ่งสำคัญคือเราต้องทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก” หมายถึงการทำเรื่องที่เรียนรู้อยู่เป็นเรื่องท้าทาย เป็นไปอย่างช้า ๆ ซึ่งอาจจะส่งผลดีกว่าในระยะยาว เพราะว่ากระบวนการหาคำตอบนี้เอง จะช่วยเพิ่มพูนการเรียนรู้ได้ภายหลัง และสามารถจดจำได้ดีกว่าและเกิดการเรียนรู้แบบถาวร
มันน่าจะเป็นเรื่องง่ายและประหยัดเวลาถ้าเราบอกเด็ก ๆ ว่า แสงอาทิตย์นั้นจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช พืชใช้การสังเคราะห์แสงเพื่อปรุงอาหารและสร้างการเจริญเติบโต แต่สิ่งที่เด็ก ๆ ได้เรียนรู้นั้นอาจขาดการเชื่อมต่อหรือไม่สามารถนำความรู้นั้นไปประยุกต์ใช้ได้อย่างกว้างขวาง แต่ถ้าเราลองปรับวิธีการเรียนรู้ ให้เด็ก ๆ ได้ลองค้นหาคำตอบและสืบค้นด้วยตัวของเขาเอง อาจทำการทดลองปลูกต้นไม้แล้วนำมาเปรียบเทียบกันจำนวน 2 ต้น ต้นแรกให้ได้รับแสงอาทิตย์เป็นเวลา ในขณะที่อีกต้นไม่ให้ถูกแสงอาทิตย์เลย โดยให้เด็ก ๆ เฝ้าดูอย่างระมัดระวังเป็นเวลา 2 อาทิตย์ จากนั้นให้เด็ก ๆ มาดูผลการทดลอง สังเกต แล้วจดบันทึก
การสอนนี้จะเป็นไปอย่างช้า ๆ ใช้ทั้งเวลา มีทั้งอุปกรณ์ และยังต้องเฝ้าดูสังเกตอย่างระมัดระวัง จากเรื่องง่ายกลายเป็นเรื่องยาก (ขึ้น) แต่สิ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้เขาจะใช้ทั้งสมองและร่างกายในการเลือกใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมที่จะทำให้ต้นไม้เจริญเติบโตได้ดี เป็นการฝึกฝนการแก้ปัญหาตรงหน้าอย่างเป็นระบบ หน้าที่ของครูคือต้องเชื่อมโยงให้เด็ก ๆ เห็นว่า สิ่งที่เรียนรู้นี้ถึงแม้จะยังไม่ได้เป็นความรู้ที่ได้ใช้ทันทีแต่มันจะมีประโยชน์กับเขาในอนาคตอย่างแน่นอน
ในโรงเรียนส่วนใหญ่การออกข้อสอบปรนัยมักจะสนใจเพียงคำตอบที่ถูก แต่ครูควรฝึกให้เด็กมีวิธีที่หลากหลายในการหาคำตอบ มากกว่าการจำคำตอบที่ถูกต้องเพียงข้อเดียว เพราะวิธีการหาคำตอบเหล่านั้นจะสามารถนำติดตัวไปใช้ได้กับทุกศาสตร์และทุกสาขา เราอาจจะชำนาญในคำตอบเดิม ๆ แต่เมื่อเจอโจทย์ที่แตกต่างไปในโลกของความเป็นจริงเราก็อาจจะกลายเป็นเพียงเด็กปฐมวัยของโจทย์ใหม่นั้น
เดวิด เอปสตีน ได้บอกไว้เพิ่มเติมว่า เครื่องมือแบบเดียว ไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตในโลกอันซับซ้อน โยงใย และเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าท่ามกลางโลกที่เปลี่ยนแปลงไปทุกวันอาจจะทำให้การเรียนการสอนในวันนี้โตตามไม่ทัน แต่ครูสามารถสร้างเด็กให้รับมือความเปลี่ยนแปลงของโลกได้ ผ่านการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น สร้างสรรค์และกว้างขึ้น
อ้างอิงจาก : David Epstein.(2564).Rangeวิชารู้รอบ.กรุงเทพฯ : ซอลท์ พับลิชชิ่ง
เรียนรู้เพิ่มเติม บทความการศึกษา อจท. อื่นๆ ได้ที่ >>> คลิก <<<
เรียนรู้เพิ่มเติม บทความการศึกษา อื่นๆ ได้ที่ >>> คลิก <<<
บทความที่เกี่ยวข้อง